คำถามที่พบบ่อย

A: สารสกัดแครนเบอร์รี่ มีสารสำคัญชื่อ “แพค” Proanthocyanidins (PACs) ซึ่งสารสำคัญตัวนี้จะไปจับกับ แบคทีเรีย E-Coli ทำให้ E-Coli ไม่สามารถเกาะกับผนังกระเพาะปัสสาวะได้ ซึ่งหาก E-Coli จับกับกระเพาะปัสสาวะจะทำให้มีการแบ่งตัวมากขึ้นและทำให้เกิดการอักเสบหรืออาการติดเชื้อตามมา

A: ควรบริโภคสารสกัดแครนเบอร์รี่ที่ให้ “แพค” (PACs : Proanthocyanidins) ไม่ต่ำกว่า 36 PACs ต่อวัน ถึงจะได้ผลในการขจัดเชื้อแบคทีเรียอีโคไล

A: มีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า แครนเบอร์รี่สกัด สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรังซ้ำในผู้ป่วยได้ นอกจากนั้น ยังสามารถลดอาการปัสสาวะกระปริบกระปอย อาการปวดจากการระคายเคืองในกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงลดกลิ่นเหม็นในน้ำปัสสาวะอีกด้วย

A: ในปัจจุบันเชื่อว่ากลไกหลักที่ลดการอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากสารออกฤทธิ์ในผลแครนเบอร์รี่สามารถลดการยึดเกาะของแบคทีเรียกับเยื้อบุผนังกระเพาะปัสสาวะ (bacterial adhesion) ส่งผลให้โอกาสของการติดเชื้อลดลง

A: ผลแครนเบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารตระกูล polyphenols เช่น proanthrocyanins, flavonols และ quercetin เป็นต้น สำหรับสารสำคัญที่สามารถลดการยึดเกาะของแบคทีเรีย คือ proanthrocyanin type A ซึ่งผลิตภัณฑ์แครนเบอร์รี่ต่างๆในท้องตลาด จะมีสารตัวนี้ในปริมาณที่แตกต่างกันความสามารถในการลดการยึดเกาะนั้นขึ้นกับปริมาณของ PACs หากปริมาณ PACs ยิ่งสูง ความสามารถในการลดการยึดเกาะของแบคทีเรียยิ่งสูงขึ้นด้วย

A: คำตอบ ดังนี้

• ผู้หญิงที่เคยเป็นกระเพาะปัสสาวะ และเสี่ยงต่อการเกิดซ้ำ เช่น ต้องเดินทางไกล นั่งเครื่องบินหรือนั่งรถนาน รถติดมาก ต้องกลั้นปัสสาวะเพราะเข้าห้องน้ำลำบาก เป็นต้น
• ผู้ที่มีปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรั้ง หรือเป็นซ้ำๆหลายครั้งในหนึ่งปี โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หรือผู้สูงอายุอื่นๆ
• ผู้ชายที่มีต่อมลูกหมากโต และ ประสบปัญหาทางเดินปัสสาวะอักเสบเป็น ๆหาย ๆ
• ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อระบบปัสสาวะ และมีปัญหาเชื้อดื้อต่อยาปฏิชีวนะหลายชนิด

A: เนื่องจากแครนเบอร์รี่ของ Natureprime มีสาร proanthrocyanin type A สูงที่สุดในท้องตลาด จากการวิเคราะห์โดยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และใช้การตรวจด้วยวิธี 4-dimethylaminocinnamaldehyde colorimetric (BL-DMAC) ซึ่งเป็นวิธีที่เป็นที่น่าเชื่อถือที่สุดในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีการผสมสารสกัดจากใบ rosemary ซึ่งมีสรรพคุณลดการปวดเกร็งของอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้

A: คำตอบ ดังนี้

• สำหรับผู้ที่มีปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อยครั้ง และต้องการทานเพื่อป้องกัน สามารถทานวันละ 1 แคปซูลหลังอาหารเช้า
• สำหรับผู้หญิงที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบกระเพาะปัสสาวะ เช่นมีความจำเป็นต้องอั้นปัสสาวะติดต่อกันเป็นเวลานาน ให้ทานวันละ 1 แคปซูลหลังอาหารเช้าเช่นกัน จนกว่าภาวะเสี่ยงจะหมดไป
• ผู้ป่วยที่มีอาการเริ่มต้นของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาจทานแครนเบอร์รี่ของ Natureprime ก่อนได้โดยทาน 2 แคปซูลทันที หลังจากนั้นให้ทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้งหลังอาหารเช้าและเย็น ติดต่อกันจนครบ 1 อาทิตย์ ร่วมกับการดื่มน้ำมาก ๆ ติดต่อกัน ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นใน 1 วัน จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย สำหรับผู้ป่วยที่มีไข้ตัวร้อนจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ทันที

A: ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ชัดเจนว่าแครนเบอร์รี่สามารถใช้แทนยาปฏิชีวนะในกรณีกระเพาะปัสสาวะอักเสบเฉียบพลันได้ แต่พบว่ามีผู้ป่วยหลายรายสามารถหายจากการอักเสบได้จากการใช้แครนเบอร์รี่ และดื่มน้ำมากๆร่วมด้วย อย่างไรก็ตามถ้าอาการไม่ดีขึ้นในหนึ่งวัน แนะนำให้พบแพทย์

A: ปัจจุบันสถานการณ์เชื้อดื้อยาปฏิชีวนะในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างมาก ส่วนหนึ่งจากมีการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างแพร่หลายทั้งที่ไม่จำเป็น และยังเป็นผลจากการที่พบยาปฏิชีวนะปนเปื้อนในอาหารทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการรักษาภาวะติดเชื้อที่ต้องใช้ยา เป็นผลให้ไม่สามารถใช้ยาทั่วไปได้และมีแนวโน้มว่าการติดเชื้อจะรุนแรงกว่าปรกติ พบว่าถ้าสามารถลดการใช้ยาปฏิชีวนะลงในระยะยาวจะสามารถลดการดื้อยาสำหรับผู้ป่วยลงได้ การใช้ผลิตภัณฑ์แครนเบอร์รี่เพื่อลดการใช้ยาปฎิชีวนะน่าจะมีส่วนทำให้สถานการณ์เชื้อดื้อยาดีขึ้นได้ในระยะยาว

A: ควรเก็บในที่แห้งและไม่โดนแสงแดด ห้ามเก็บในตู้เย็น

A: แนะนำให้ทานหลังอาหาร

A: พบว่าการทานแครนเบอร์รี่อาจมีปฏิกิริยาต่อยาละลายลิ่มเลือดประเภท วาร์ฟาริน (Warfarin) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า คูมาดิน (Coumadin) โดยจะเพิ่มการออกฤทธิ์ของยาชนิดนี้ และสามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออกง่ายตามที่ต่างๆได้ ดังนั้น อาจมีความจำเป็นต้องลดขนาดยาวาร์ฟารินลงในขณะที่มีการทานผลิตภัณฑ์แครนเบอร์รี่ในระยะยาว

A: การทานแครนเบอร์รี่ในปริมาณมาก ๆ มีรายงานถึงการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร โดยอาจมีอาการจุกเสียด แสบบริเวณลิ้นปี่ หรือคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งสามารถลดอาการดังกล่าวได้โดยการใช้ยาลดกรดทั่วไป

A: ผู้ชายที่มีปัญหาต่อมลูกหมากโตเสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงของต่อมลูกหมากอักเสบและอัณฑะอักเสบ ผลิตภัณฑ์แครนเบอร์รี่สามารถลดความเสี่ยงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อาการปัสสาวะผิดปรกติหรือปัสสาวะเหลือค้างจำเป็นต้องปรึกษาศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะ (urologists) เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

A: เนื่องจากโรสแมรี่มีสรรพคุณในการลดอาการปวดเกร็งของกระเพาะปัสสาวะ ทำให้แครนเบอร์รี่ของ Natureprime มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นในท้องตลาด

A: ไม่สามารถเปรียบเทียบปริมาณแครนเบอร์รี่เป็นมิลลิกรัมได้ เนื่องจากวิธีการสกัดซึ่งไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงควรเปรียบเทียบปริมาณของสารออกฤทธิ์ PACs แทน

A: คำตอบ ดังนี้

• อย่าอั้นปัสสาวะปริมาณมากๆ นานจนเกินไป เนื่องจากการมีปริมาณปัสสาวะมากจะทำให้เลือดไปเลี้ยงกระเพาะปัสสาวะลดลง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของการอักเสบติดเชื้อ
• การเพิ่มปริมาณปัสสาวะให้มากขึ้นโดยการดื่มน้ำมากๆ และเข้าห้องน้ำบ่อยๆ สามารถลดปริมาณแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะลงได้ ส่งผลให้สามารถลดการอักเสบได้ในระดับหนึ่ง
• การใช้กระดาษชำระเช็ดหลังปัสสาวะในผู้หญิง แนะนำให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อลดการปนเปื้อนจากทวารหนัก
• การอั้นปัสสาวะปริมาณมากๆ เป็นเวลานาน มีความเสี่ยงติดเชื้อทางเดินปัสสาวะมากกว่าการเข้าห้องน้ำที่ไม่สะอาด

A: แม้ว่าแครนเบอร์รี่ของ Natureprime จะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานว่าสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์